มาแล้วค่ะ วันที่ 3 ของทริปขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสของเรา (วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 58)
วันนี้เราจะไม่เป็นเจ้าหญิง 1
คืนค่ะ ไม่กลับมาพักปราสาท Chateau de tredion ของเรา
(งานมโน ต้องมา)
แต่เราจะเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนที่ Les Valtieres
du Mont Saint Michel ซึ่งเป็นที่พักใกล้สถานที่
ที่ขึ้นชื่อว่าถ้ามาฝรั่งเศส ต้องมาเยี่ยมชมให้ได้สักครั้งนึง Le Mont
Saint-Michel ที่โด่งดังนั่นเองค่ะ วันนี้เส้นทางเราเลยตามนี้ค่ะ
ออกจาก Chateau de tredion ไปเมือง
Dinan (ดินง) เมืองยุคกลางบนยอดเขา
มีเขตบ้านเมืองเก่าที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เป็นอีกเมืองที่ยังคงรักษากำแพงเมืองเก่าไว้ได้อย่างดีค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆหลายแห่ง แต่ที่เราจะไปคือ Basilique
Saint-Sauveur ค่ะ ขับเรื่อยๆ 100km แป๊บๆก็ถึงแล้วค่ะ
มุมยอดฮิตค่ะ
จอดรถเสร็จก็เดินชมเมืองเก่าก่อนเลย โซนนี้ยังเป็นพื้นราบนะคะ เดินได้ชิวๆค่ะ
ส่วนใหญ่จะเป็นร้านเครปและกาเล็ทซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนแถบนี้
เดี๋ยวมีภาพให้ชมตอนท้ายนะคะ กลัวว่าจะหิวเดี๋ยวดูกระทู้ไม่จบค่ะ เดินเที่ยวกันต่อดีว่าเนอะ
มาแถบเบรอตาญ เราก็จะเจอบ้านยุคกลางแบบนี้แทบทุกเมืองค่ะ
จะสังเกตว่าบ้านชั้นบนจะยื่นออกมามากกว่าชั้นล่างนะคะ
มีใครทราบบ้างว่าประโยชน์ของการก่อสร้างแบบนี้คืออะไร ติ๊กต่อกๆๆๆๆ
เฉลยจากข้อมูลที่เราทำการบ้านอย่างหนักหน่วงก่อนไปเที่ยวคือ
กันฝนไม่ให้เปียกประตูทางเข้าบ้านค่ะ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมช่วยเสริมด้วยนะคะ
มีร้านขายของที่ระลึกเปิดอยู่บ้างค่ะ
ถึงจะเป็นวันหยุดก็ยังเปิดเยอะกว่าวันอาทิตย์ แอบมองเห็นยอดของโบสถ์รึเปล่า
เราก็ไม่แน่ใจ ข้อมูลไม่แน่นเลยเพราะหายากมากต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอไถ่โทษด้วยการลงรูปรัวๆเลยละกันนะคะ
เจอร้านขายชาเยอะเลยค่ะ กาชงชาน่ารักมากๆ
อยากได้แต่ร้านปิดอีกแล้ว ตะเตือนไตมาก
เรามาช่วงเช้า
ร้านอาหารแบบเป็นบาร์ด้วยเลยยังไม่เปิดค่ะ เก็บร้านเรียบร้อยมาก ไม่มีขยะเลย
ชอบความสะอาด เรียบร้อยของบ้านเมืองเค้าจริงๆค่ะ
เดินมาสักพัก เล่นเอาเมื่อยเหมือนกันค่ะเพราะเมืองใหญ่มาก
เราก็จะมาถึงโซนเมืองเก่าที่ต้องเดินลงแล้วค่ะ
แนะนำว่าคุณผู้หญิงใส่รองเท้าไม่มีส้นมานะคะ เพราะถนนเป็นหินอย่างที่เห็นค่ะ
ไม่ใช่พื้นราบเรียบ ถ้าเดินรอบๆเมืองจะมีทั้งเดินขึ้นและเดินลงค่ะ
เผื่อเวลาสำหรับเมืองนี้เยอะๆหน่อยจะดีมากเลยค่ะ เมืองเค้าใหญ่จริง
เดินผ่านหลังนี้ ชอบมากๆ
ทางเข้าเป็นเนินขึ้นไปค่ะ เห็นละอยากมีบ้านแบบนี้ (มโน๊ มโนอีกละ)
บ้านทั้งสองฝั่งถนนเป็นอะไรที่เราชอบมากๆ
สีสันประตูหน้าต่างก็เลือกสีได้สวย ดูไม่ทำลายบรรยากาศเมืองเก่าเลย
เดินมาเรื่อยๆ ยอมรับว่าเมืองนี้เราเดินสุ่มค่ะ
แต่เดินไปเรื่อยก็จะเจอ ป้อมปราการเก่าของเมืองที่เป็นจุดให้ชมวิวมุมสูงแบบนี้ค่ะ
มองเห็นยอดของโบราณสถาน 2 แห่งเลย มุมด้านซ้ายเป็นยอด Basilique
Saint-Sauveur ถ้าดู map ไม่ผิด
ได้ชมเมืองมุมนี้ก็สวยแปลกตาดีค่ะ
แค่ได้เห็นหลังคาบ้านเธอก็สุขใจ อันนี้หลังนี่ไม่เกี่ยว
เดินขึ้นละก็เดินลง ชมเมืองอีกด้านนึง
เพื่อจะไปยังแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองค่ะ
ฝรั่งเศสเนี่ย จะโรแมนติกไปไหนคร๊า
ภาพเดินจูงมือ เดินคู่กัน เห็นได้ทั่วไปเลย
ช่วยเสริมบรรยากาศเมืองสวยๆให้โรแมนติกขึ้นอีกเป็นกองเลย
นี่เป็นที่มาของคำเตือนสำหรับคนโสด มาแถบนี้อาจจะตาร้อนเป็นไฟได้ ล้อเล่นนะคะ
มาแบบกลุ่มเพื่อนๆ ก๊วนๆก็มีค่ะ มาได้ๆไม่นอยด์ค่ะ
ถึงแม่น้ำแล้วค่ะ ร้านอาหารริมน้ำเยอะเลย
บรรยากาศดีมาก ช่วงนี้เป็นอากาศช่วงสปริง แดดดี คนที่นี่เลยนิยมทานอาหารกลางแดดค่ะ
กินไป อาบแดดไป แต่เราคนไทย เจอแดดตลอด 365 วัน ก็หลบสิคะ
ขอทานร้านในร่มละกันเนอะ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ เติมพลังแพร้บ
ค่อยไปต่อกันเนอะ
มาถึงที่ต้องสั่งอะไรที่เป็นทะเลๆหน่อย
จานนี้จำชื่อฝรั่งเศสไม่ได้แล้วค่ะ เป็นพาสต้าหอยเชลล์ หอยเค้าใหญ่และสดมากจริงๆ
หวานอร่อยมากกกกกก แต่รสซอสก็เลี่ยนๆแบบยุโรปเค้าแหละค่ะ
จานนี้พิซซ่า ถ้าจำไม่ผิดเป็นหน้าแฮม
ละก็เห็ดแชมปิยอง ใส่ไข่แดงมา 1ลูก
ทริปนี้แทบไม่ได้สั่งหารเป็นเมนูเลย สั่งเป็นจานๆ เพราะถ้าเป็นเมนูมันเยอะมาก
กินอิ่มเกิน จะเดินเที่ยวไม่หนุกค่ะ แต่ถ้าใครเรื่องกินบ่ยั่นก็จัดเต็มไปโลดดดดด
อิ่มสบายท้องแล้วเดินย่อยกันต่อค่ะ
ไม่ได้ทานร้านนี้ค่ะ เห็นว่าสวยดีและอยู่ตรงมุม
คู่นี้จูงน้องหมาผ่านพอดี แชะไว้ซะหน่อย เราชอบน้องหมาค่ะ เลยมีความสุขมากๆๆๆ
เพราะคนที่นี่เค้าเลี้ยงน้องหมากันแทบจะทุกครัวเรือน และพาน้องมาเที่ยวด้วย
ละลานตามาก หลากสายพันธุ์ ชอบมากกกก
เข้ามาในโบสถ์สักหน่อย มีงานกระจกสี สวยงามมาก
แต่เราไป Cathédrale Notre-Dame de Paris เจอความอลังการขั้นกว่าไปแล้ว
ก็เลยไม่ได้ตู้วหูววเท่าไหร่ แต่ก็สวยค่ะ มาถึงที่ก็ต้องเข้ามาชมนะคะ
ได้เวลาไปต่อกันแล้ว อกจากโบสถ์เดินกลับไปที่จอดรถกันค่ะ เจอคุณลุงศิลปินค่ะ หน้าตาลุงมีความสุข
สุนทรีย์มาก ก่อนถ่ายภาพเราสมทบทุนลุงไปแล้วค่ะ ชิวมากเลย slow life ของจริง
อิจฉาค่ะ พูดเลย
ร้านขายของที่ระลึกค่ะ
ของที่ขายก็มีหลากหลายกันไป แต่ที่เห็นเยอะๆจะเป็นพวกเครื่องถ้วยชามกระเบื้องค่ะ
ร้านขายปลากระป๋องก็มีนะคะ และก็ขายของที่ระลึกอื่นๆทั่วไป ขนมก็มีเยอะเลยค่ะ
เลือกซื้อได้ตามชอบเลย
มีร้านอาหาร บรรยกาศดี น่านั่งมากๆ
แต่ได้เวลาไปต่อกันแล้วค่ะ เราจะไป check in ที่พักก่อน
ห่างจากที่นี่ประมาณ 60km ค่ะ ก็ขับกันเรื่อยๆ
ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ พอมีแรงเหลือแว้บไปทานมื้อเย็นที่ Le Mont Saint-Michel
ไปต่อกันเลยนะคะ เส้นทางตามนี้เลย สักพักก็ถึงแล้วคร่าาา
ที่พักของเราคืนนี้ จองผ่าน www.booking.com เจ้าประจำของเรานี่แหละค่ะ
เลือกที่พักที่ไกลจาก Le
Mont Saint-Michel หน่อย เพราะสู้ราคาที่พักในเกาะไม่ไหวจริงๆ
ดูจากภาพใน booking ก็ดูดีเลยค่ะ
เป็นที่พักใหม่ มี wifi มีครัวส่วนกลางด้วยนะคะ
และมองจากห้องพักแอบเห็น Le
Mont Saint-Michel อยู่ไกลๆ ตรงนู้นนนนน ราคาน่าคบหามาก คืนละ
50ยูโร รวมอาหารเช้าเป็นขนมปัง เนย แยม โยเกิร์ต กาแฟ นมสดและน้ำส้ม
แบบฉบับอาหารเช้าของที่พักแบบ Bed
& Breakfast เค้าแหละค่ะ
หน้าตาที่พักค่ะ กว้างขวาง จอดรถสะดวก ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลเหมือนพักในเกาะค่ะ
เจ้าของที่พักพูดอังกฤษได้นิดหน่อยนะคะ และพักอยู่ที่นี่เลย สะดวกมากๆค่ะ แนะนำว่าปริ๊นท์ใบจองภาษาฝรั่งเศสมาด้วยอีกใบนะคะ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะมีธุรกิจเล็กๆแบบนี้บ้าง คงจะฟินไม่น้อย
มาดูในห้องพักกันดีกว่า หน้าตาดีไม่ใช่น้อย
ห้องพัก 2 คนถือว่ากว้างใช้ได้ค่ะ มีผ้าเช็ดตัวใหม่ๆให้ด้วย
ห้องน้ำแยกเป็นห้องอาบน้ำ มีตู้อาบน้ำ อ่างล้างหน้า complimentary ครบค่ะ และห้องน้ำ มีทิชชู่ ถังขยะ
เสียอย่างเดียว ไม่มีสายชำระ
อย่างที่เห็นเลย หน้าต่างกันเสียงดีมาก
ห้องนี้อยู่ด้านติดถนนแต่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยค่ะ
มีทีวีจอเล็กๆติดผนังตรงข้ามเตียงด้วย
เก็บของเรียบร้อยก็เตรียมตัวไป Le Mont Saint-Michel กัน
ห่างจากที่พักประมาณ 4km ค่ะ
ออกมาจากที่พักก็เดินข้ามถนนไปเยี่ยมเพื่อนก่อนค่ะ
เจอเพื่อนแล้ววววว เราชอบมากๆ
ข้ามถนนมาก็เป็นทุ่งเลี้ยงแกะ น้องแกะเต็มทุ่งไปหมดเลย น่ารักมากกกกกก
ถ้าเปิดหน้าต่างห้องได้ยินเสียงร้องมาแต่ไกลเลยค่ะ
ทุ่งหญ้าเขียวๆกว้างสุดลูกหูลูกตาเลย มีคนขี่ม้าและก็น้องหมาไล่ต้อนน้องแกะด้วย
แค่บรรยากาศตรงนี้ก็ฟินมากๆๆแล้ว แต่อากาศก็นะ กลิ่นอึ๊น้องแกะแรงใช่ย่อยค่ะ
แต่ไม่เหม็นไปที่พักนะคะ ถนนฝั่งนี้เป็นที่พักรถด้วย สำหรับรถที่เป็นบ้าน
เรียกว่าไรไม่รู้ จอดพักค้างคืนได้
คืนนั้นเห็นหลายคันเลยค่ะ เยี่ยมเพื่อนพอประมาณนึงก็ไปต่อกันค่ะ
ขับมาแป๊บนึงก็ถึงแล้ว
แต่ต้องเข้าที่จอดรถที่เค้าจัดไว้เท่านั้นนะคะ แล้วนั่งบัสเข้าไปค่ะ
ช่วงนี้เค้ากำลังปรับภูมิทัศน์โดยรอบ Le Mont Saint-Michel อยู่ค่ะ สาเหตุที่ทำ
เพราะความไม่รู้ของคนที่ทำถนนเข้าไป ถนนและที่จอดรถด้านหน้า กันทางน้ำ
ทำให้สั่งสมตะกอน นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นผืนดิน
ถ้าไม่แก้ไขตรงนี้จะไม่เป็นเกาะอีกต่อไป เป็นโปรเจ็คใหญ่เลยค่ะ
ต้องใช้เวลาและควบคุมทางน้ำ ต้องทำเขื่อนไว้ปล่อยน้ำจากแม่น้ำ
กับอาศัยน้ำขึ้นน้ำลง ตามเป้าหมายจะเสร็จปี 2025 ค่ะ ช่วงเดือน พ.ค. 58 ที่เราไป
อยู่ในขั้นตอนของการเอาถนนออกแล้วทำเป็นสะพานเสร็จเรียบร้อยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ยังสว่างอยู่ แต่แดดไม่มีแล้ว
หนาวมากกกก หนาวกว่าลำปางเยอะเลยยยย แต่มาช่วงเวลานี้ก็ดีค่ะ คนน้อยดี
อย่างที่บอกค่ะ เค้ากำลังปรับภูมิทัศน์ น้ำเลยยังเหือดแห้งอยู่
และก็ช่วงที่เราไปคงเป็นช่วงน้ำลงด้วยค่ะ ส่วนโปรเจคปรับภูมิทัศน์
เหมือนจะทำเป็นเขื่อนกั้นน้ำไว้ปล่อยน้ำมา
จะได้แก้ปัญหาน้ำพัดพาตะกอนมาเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันค่ะ ข้อมูลน้ำขึ้น
น้ำลงค่ะ http://www.ot-montsaintmichel.com/en/horaire-marees/mont-saint-michel.htm
แต่ยังไง ความสวยงามภายในยังคงอยู่ค่ะ
เดินไปดูข้างในกันดีกว่า

ตามมากันเลยค่ะ กำลังจะเข้าไปข้างในแล้ว
ยังมีนักท่องเที่ยวนะคะ และก็หลายๆคนพักในนี้ ซึ่งเราก็อยากพักนะ
จะได้มีเวลาเดินเล่นให้หนำใจ แต่ปัจจัยไม่อำนวยเอาซะเลย
เดินเข้ามาด้านในหน่อย
ระหว่างที่ยังเลือกร้านอาหารไม่ได้
ก็มาเจอรูปปั้นของ Jeanne
d'Arc หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Joan of Arc วีรสตรีชื่อดังของฝรั่งศส
ตั้งอยู่หน้าโบสถ์เล็ก ไม่รู้เรียกถูกมั้ย
เข้ามาข้างในสักหน่อย ชมบรรยากาศภายในค่ะ
นี่แค่น้ำจิ้มนะคะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เรามาใหม่
หิวแล้ว เลือกร้านอาหารกันเถอะ จะปิดกันหมดแล้ว
ได้ร้านแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งเลยค่ะ
เอาเมนูที่คิดว่าง่ายสุด รอพักนึงก็มาเสิร์ฟ
ทานเบาๆ เราเลยสั่งเครปมาค่ะ ง่ายจริงๆ
นี่จานของอินางเค้า galette กาเล็ทค่ะ
ใส้ข้างใน รสชาติตามที่เลือกค่ะ ทานง่ายดีนะคะ แต่ต้องทานตอนร้อนๆ
เราว่าก็อิ่มกำลังดีนะคะ ส่วนใหญ่ 2 เมนูนี้เค้าจะทานตอนเช้ากัน
แต่เราไม่เลือกเวลา แบบว่าอยากลอง
แถมอีกจาน จานนี้เป็นหอยค่ะ
นึกไรไม่ออกสั่งหอยไว้ก่อน จากทริปเมื่อ 2 ปีก่อน
เราว่าเมนูนี้รสชาตถูกปากเราแน่นอน
ทานเสร็จร้านอื่นๆก็ปิดหมดแล้ว
ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ
บะบายยยยย Le Mont Saint-Michel พรุ่งนี้เจอกันใหม่น๊า
ขากลับก็เดินฝ่าลมหนาวมาขึ้นบัสบริการไปที่จอดรถค่ะ
จบทริปวันนี้แล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ เดี๋ยวจะพาไปเมืองไหนต่อ ติดตามกันนะคะ
เที่ยวไปตามตะวันแบบ BRgoeverywhere แค่มีฝัน เราเชื่อว่าจะมีแรงขับให้เป็นไปได้ค่ะ
ออกตามตะวัน ไปจับฝันกันเถอะ!!!!
No comments:
Post a Comment