Thursday, June 22, 2017

เที่ยวบาร์เซโลนา กับประสบการณ์ สุดจะแค้นแสนจะรัก เจ็บนี้ไม่มีวันลืม

       
 เราวางแผนไว้ว่าจะเที่ยวเมืองคาตาลันนี้ 5 วันรวมเดินทาง ใช้สายการบินโลว์คอสของสเปนเค้าล่ะ 
เพราะเคยใช้บริการครั้งแรกเมื่อทริป ปี 2013 Paris-Rome-Paris ค่ะ  ถือว่าใช้ได้เลยกับเวลาเดินทางสองชั่วโมงนิดๆ ตัวเครื่องและสีสันจะว่าไปก็คล้ายๆกับนกแอร์ของบ้านเรานี่แหละค่ะ   ต่างกันที่ไม่มีอาหารว่างเสิร์ฟ   ก็เลยดูคุ้นชินกัน มาครั้งนี้เลือกใช้บริการอีกครั้ง Paris –Barcelona – Paris แต่เลือกที่สนามบิน Paris Orly Airport  ด้วยว่าได้เวลาดีและราคาที่รับได้ค่ะ 
        ทริปตะลุยคาตาลันหรือบาร์เซโลน่านี้วางไว้  31 พ.ค. – 4 มิ.ย. 58  ค่ะ  และแล้ววันเดินทางก็มาถึง
ยังมีความสุขดีค่ะ   เดินช้อปในดิวตี้ฟรีที่สนามบิน Orly เห็นราคาน้ำหอมละพุ่งเลยค่ะ   แต่เดี๋ยวก่อน!!!   ยังมีเซอร์ไพรส์อีกเย้ออออ 
เครื่องออกแล้วสองชั่วโมงก็ถึงค่ะ  อารมณ์คนไปเที่ยว  เอนโดรฟินหลั่งตลอดเวลา เห็นอะไรก็มีความสุข แม้ว่าจะต้องรอกระเป๋าที่โหลดไว้นานมาก ก็ยังยิ้มได้ค่ะ 

          พอได้กระเป๋าแล้วก็เข้าเมืองเลย ด้วยรถบริการ Aerobus ข้อมูลตามนี้เลย http://www.aerobusbcn.com/ สะดวกมากๆ มี Map และก็บัตรส่วนลดต่างๆให้มาด้วย บนรถมี Wifi ฟรี เราก็พยายาม Connect นะคะ แต่สงสัยคนจะเล่นเยอะ เข้าไม่ได้เลย แต่ยังค่ะ ยังยิ้มได้

          นั่งบัสมาลง Plaza Catalunya ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีค่ะ จากตรงนี้เราก็เดินลากเป๋าเข้าที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก นักท่องเที่ยวเยอะมากมายเลย คึกคักดีจริงๆ   มาทริปนี้เน้นที่พักที่สามารถเดินเที่ยวได้สะดวกใกล้รถไฟใต้ดินและที่สำคัญราคาไม่แพงค่ะ (ช่างต่างจากทริปมโนเจ้าหญิง พักปราสาทที่บริตตานีเสียจริง) 
จองที่พักผ่านเวปเจ้าประจำค่ะ  http://www.booking .com   เลือกที่พักแถวๆ Lar Rumbla ค่ะ
ถนนที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองนี้ เช็คอินเสร็จสรรพ ก็ออกมาเดินเที่ยวเลย ยังตื่นเต้นและแฮปปี้ดี๊ด๊าอยู่ค่ะ ออกมาเดิน Lar Rumbla ช่วงเย็นๆ เจอสาวเซะซี่โชว์ตัวอยู่พอดีเลยค่ะ  

นี่เป็นร้านขนมชื่อดังและเก่าแก่ของเมืองค่ะ




ร่ม ร่ม ร่ม ร่มเต็มไปหมดเลย..... Casa Bruno Cuadros ค่ะ ที่นี่ได้ถูกปรับปรุงใหม่เมื่อปี คศ.1883  โดยสถาปนิก Josep Vilaseca ให้เป็นร้านร่มที่ชั้นล่างของคาซ่า และช่วงเวลาไม่กี่ปีก่อน คศ. 1888 ที่บาร์เซโลนาได้จัดงาน Universal Exhibition ก็ได้มีการก่อสร้างอาคารที่มีรูปแบบสวยงาม น่าสนใจขึ้นทั่วเมือง ซึ่งรูปแบบการปลูกสร้างบ้านจะเป็นแบบ Art-nouveau, Modernisme และตกแต่งสไตล์ Oriental ค่ะ สำหรับ Casa Bruno Cuadros หลังนี้ ชาวกาตาลันเรียกว่า Casa dels Paraigües หรือ บ้านร่ม นั่นเอง เห็นร่มมาแต่ไกลเลยค่ะ เราก็เรียกบ้านร่มเหมือนกัน อมยิ้ม01 ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องถ่ายภาพเก็บไว้ใน Collection ของเมืองนี้กันเลยทีเดียว

เดินมาเรื่อยๆก็มาถึงที่นี่ค่ะ
Plaça del Pi เป็นแหล่งรวมตัวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับ artists และ bohemians ทั้งหลาย   เดินจาก La Ramblas ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ 
พื้นที่ตรงนี้อยู่ในโซนของ Santa María del Pi หรือโบสถ์ซานตามาเรียเดลปิ ที่สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14-15 ค่ะ  พื้นที่ตรงนี้จะจัดแสดงศิลปะ  งานแสดงสินค้าและงานฝีมือ  กันบ่อยๆค่ะ  และยังมีอาหารพื้นเมืองขายด้วยนะคะ ที่เห็นเยอะเลยคือ น้ำผึ้งและชีสค่ะ  

เข้าไปในโบสถ์กันสักหน่อยนะคะ












มีงานปฏิมากรรม  รูปเคารพทางศาสนา  ส่วนใหญ่เป็นรูปแม่พระกับพระกุมาร  สวยงามมากๆเลยค่ะ

เดินต่อกัน..... เพื่อไป Barcelona Cathedral หรือ วิหารบาร์เซโลนา ที่มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 และเป็นที่เก็บอัฐิของนักบุญผู้อุปถัมภ์เมืองนี้ค่ะ 


          เป็นวิหารสไตล์คลาสสิกโกธิค   ซึ่งมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13   ด้านหน้าของวิหารได้รับการบูรณะในช่วงศตวรรษที่ 18 ในสไตล์นีโอโกธิค มีการตกแต่งด้วยประตูโค้งและงานแกะสลัก  ที่นี่เข้าชมฟรีค่ะ แต่ต้องต่อคิวเข้าไปด้านใน  คิวยาวมากกกก...... แต่เรายังยิ้มได้ค่ะ  เพื่อให้ได้ชื่นชมความงามของการตกแต่งภายในซึ่งถือเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งสไตล์โกธิคแบบกาตาลันด้วย 





แค่รูปแบบโครงสร้างก็อลัง เวอร์วังแล้วค่ะ  สวยงามมาก  แต่ที่สวยไม่แพ้กันเลย คืองานประติมากรรมด้านใน  ซึ่งก็นั่นแหละค่ะ  เป็นรูปเคารพทางศาสนา  ไปชมกันเล้ยยยยยยยยย




สถาปัตยกรรมสวยมาก














และที่นี่มีน้ำพุด้วยนะคะ  มันพีคตรงนี้แหละค่ะ   น้ำพุ
ตอนแรกเราก็ไม่เห็นทางเข้าชมน้ำพุค่ะ  เดินผ่านมาแล้วเชียว
พอเดินมาด้านข้างวิหาร เห็นคนเค้าเข้าไปกันเยอะ ก็เลยย้อนกลับเข้าไปชมสักหน่อย เท่านั้นแหละค่ะ น้ำพุเจ้าขาาาาาาา

      ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เที่ยวกันแบบชิลๆมาก........ ที่บริตตานี  ผู้คนน่ารัก  มีน้ำใจ  และนักท่องเที่ยวก็ไม่พลุกพล่านมากเท่าที่นี่ 
ที่สำคัญไปเมืองที่ขึ้นชื่อว่าโหดๆอย่าง โรมและปารีส  เราก็รอดมาได้ เพราะตอนนั้นระวังตัวสุดๆ แทบจะกอดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา 

      นั่นล่ะค่ะ ความประมาทไม่เคยปรานีใครจริงๆ  เราสะพายกระเป๋าไว้ด้านหลังค่ะ  ปกติจะใช้ประเป๋าสะพายข้าง แต่ทริปนี้คนมันจะเสียตังค์ 
เป็นหมูในอวยเลยค่ะ  ไม่ได้เอะใจอะไรเล้ยยยย  เพราะคนเยอะรู้สึกเหมือนโดนเบียดๆ  ไอ้เราก็มัวแต่มองน้ำพุ  มารู้สึกตัวอีกที
เฮ้ยยยยยยยย!!!  กระเป๋าหนูโดนเปิดดดดดดดดดดดด!!!! ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้  ตอนนั้นคิดไรไม่ออกเลยค่ะ  หน้าชา ครั้งแรกในชีวิต ไม่คิดว่าจะโดนกะตัว  
คือแค้นไอ้คุณคนเอาไปมั้ย???? แค้นมากกกกกกกกกก!!! พูดเลย แต่ที่แค้นกว่าคือ แค้นตัวเองค่ะ ที่ประมาทจนได้เรื่องค่ะ

      ปกติจะแยกเงินไว้ ไม่เอากระเป๋าออกมา แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่าเอามาทุกอย่าง เงินยูโรในกระเป๋า  เงินไทยอีกเกือบพัน บัตรเครดิตอีก 3 ใบ 
โอ้ยยย!!!! แม่เจ้า!!!!  นี่หนูทำอะไรลงไป  ณ จุดนั้น ช๊อคจริงๆ  อินางก็เผลอลืมเตือน เห็นอยู่ว่าเอากระเป๋าออกมา   แต่ด้วยความที่เรายังไม่หลุดจากภวังค์การเที่ยวแบบที่ปลอดภัยมาตลอด 7 วัน  ความเผลอเลยบังเกิดค่ะ 
      ณ วินาทีนั้น  วิ่งไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโบสถ์ที่อยู่ตรงประตูทางเข้า-ออกค่ะ  แต่ก็เห็นใจเค้าแหละ  ช่วยได้เต็มที่แล้ว 
คือเดินหาให้  เราก็รู้แล้วแหละว่าไม่ได้คืนหรอก  แต่เค้าก็น่ารักค่ะ  พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังพิมพ์ในมือถือเพื่อแปลภาษากาตาลันเป็นอังกฤษให้เราอ่านได้ค่ะ  สงสัยจะเจอมาเยอะ  เลยมี App นี้ไว้ในมือถือเลย  นั่นแหละค่ะ  ในเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆให้เราเห็น เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม แต่ ณ อารมณ์นั้น  ก็ยังยิ้มไม่ออกค่ะ

        พอตั้งสติได้   โดยอินางคอยดึงสติกลับมา  เราต้องจัดการกับบัตรเครดิตก่อนเป็นอันดับแรก  รีบเลยค่ะ  ต้องอายัด!! เอาล่ะสิ!!  ทำไงดี???
เวลาเมืองไทยตอนนั้นก็จะเที่ยงคืนแล้ว (เวลาบาร์เซโลนาประมาณเกือบทุ่มค่ะ)  คิดๆๆๆ 

        ดีที่มี Pocket Wifi ใช้อินเทอร์เนตได้อยู่  เสิร์ชเบอร์จะอายัดบัตร  มือถือแบตก็จะหมดอิ๊กกก........
เอ้า...เอาให้พอค่ะ ไอ้ Brgoeverywhere โดนซะให้พอ   อินางเลยไลน์ไปหาพี่ชายที่เมืองไทย แต่ก็ไม่อ่านเลยตัดสินใจบอกไปในกรุ๊ปไลน์ของออฟฟิสว่าโดนล้วงกระเป๋าให้ช่วยติดต่อพี่ชายที่เมืองไทยให้โทรกลับอินาง โชคดีมากพี่ที่เมืองไทยยังไม่นอนค่ะ  และอินางเปิดโรมมิ่ง  เลยให้พี่ช่วยอายัดบัตรให้ครบทั้ง 3 ธนาคาร   ยังพอโล่งใจได้  เพราะไม่งั้นล่ะก็สนุกค่ะ  ต้องกลับมาใช้หนี้ที่เราไม่ได้ก่อ จะกลายเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด 
แค้นฝังหุ่นแน่คราวนี้   ก็พอกลับมาเมืองไทยเราก็รีบไปเช็คที่ศูนย์บัตรเครดิตเลย  ปรากฏว่ามีการพยายามจะใช้บัตรทางระบบออนไลน์ที่ปารีสด้วยค่ะ แต่ดีที่อายัดทัน  เลยไม่สำเร็จ 
         ณ จุดนั้น เสียงในใจนี่ผุดมาเลยค่ะ เอาซี้!! ไอ้คุณโจรกระจ อ ก (แต่เรากระ จ อ ก กว่าคุณโจรนั่นอีก แหะๆ) แกไม่ได้แอ้มเงินจากบัตรชั้นร้อกกก ชั้นไวกว่าย่ะ
เงินสด 250 ยูโรนั้น   ชั้นถือว่ากระจายรายได้ให้แกละกันนะ (ปาดน้ำตาในใจ แพร้บบบ เงินที่ชั้นเก็บหอมรอมริบมาเป็นปีๆ เพื่อทริปนี้   แกมาฉกเอาไปหมดเลย น้ำตานองในใจ) อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08

         นั่นแหละค่ะ  เรื่องราวสุดแค้นของเรา มาถึงวันแรกก็โดนรับน้องเลย เซ็งไปเลยค่ะ วุ่นวายกันพอสมควร กลับที่พักด่วน 

จากเหตุการณ์นี้  หลายๆ คนก็ให้กำลังใจค่ะ  โดยเฉพาะคนที่บ้านบอกว่า  เงินหายก็ดีกว่าคนเป็นอะไรนะ  เรายังเที่ยวต่อได้ ดีที่พาสปอร์ตยังอยู่  ไม่งั้นคงไม่หนุกละ 
โชคดีอีกอย่างคืออินางไม่ซ้ำเติมเลยค่ะ  คอยปลอบใจว่าคนที่รู้จัก ญาติๆกันก็เคยโดน  แถมไปทั้งกระเป๋าเลย  วุ่นวายทำเรื่องพาสปอร์ตอีก นี่ยังดีเรายังเที่ยวต่อได้   แถมอินางแบ่งเงินให้ใช้ด้วย 
(ในเวลาที่สุดแค้น ก็ยังมีเรื่องแสนรักนะ ฮรี่ๆๆ) 
และดีที่เงินส่วนนึงเราเก็บลงกองกลางไว้แล้วค่ะ 
         ถึงจุดนี้เราก็ได้แต่ปลง  ของมันหายไปแล้วก็หายไป  ทำไรไม่ได้แล้ว  ไปแจ้งตำรวจท่องเที่ยวเค้าก็ช่วยไรไม่ได้ค่ะ  ให้ไปลงบันทึกที่สถานี ดูท่าทางคงเบื่อเรื่องพวกนี้เพราะวันๆ นึงก็คงมีคนมาแจ้งเยอะ  เราก็เลยไม่ไปค่ะ  ช่างมัน!!!  ถือว่าซื้อประสบการณ์  คราวหน้าจะได้ไม่เผลออีก เนี่ยแหละค่ะประสบการณ์สุดแค้นที่เจอมากับตัว 

น้ำพุต้นเรื่องค่ะ  มองเพลินเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยย  คนถ่ายรูปก็ถ่ายไปยังกะโดนมนต์สะกด



No comments:

Post a Comment